เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.พลชาติ โชติการ คณบดีคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นผู้แทนอธิการบดี ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวเรือนำเที่ยวไฟฟ้าแบบไฮบริดใช้พลังงานลมและโซล่าเซลล์เพื่อการท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย โดยมีนางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ดร.ชาญวิทย์ ตรีเดช ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม กองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้แทนจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และ รองศาสตราจารย์ ดร.มนตรี เลื่องชวนนท์ และคณะทีมวิจัยผู้พัฒนาผลงาน พร้อม นายชาญฤทธิ์ เพิ่มทรัพย์ ประธานชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ จังหวัดกระบี่ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ณ บุหลัน อันดา บาบ๋า รีสอร์ท ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่
โดยโครงการดังกล่าว ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้เข้าไปมีบทบาทในการช่วยลดการใช้พลังงานน้ำมัน ด้วยการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ พร้อมกังหันลมในการขับเคลื่อนเรือทดแทนการทำงานด้วยเครื่องยนต์ดีเซลให้กับ “เรือหัวโทง” ที่นิยมใช้ในแถบพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อพัฒนาให้เป็นพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เกิดมลพิษทางเสียง ไร้ควัน และนำไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
โดย นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม ได้กล่าวในฐานะกระทรวง อว. ที่มีนโยบายสำคัญคือ “วิจัย – นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ” โดยเน้นประเด็นสำคัญของประเทศ ซึ่งผลงานครั้งนี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเรือพลังงานไฟฟ้า สามารถตอบโจทย์กระบี่ Go Green ได้ โดยต้องคำนึงถึงต้นทุนการผลิตและการออกแบบ เพื่อให้ชาวบ้าน กลุ่มเรือหางยาวใช้งานได้อย่างมีประสิทธิผล ซึ่งกระทรวงฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานภายในจังหวัดและองค์กรธุรกิจ ในการสร้างสรรค์ผลงานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศ ต่อไป
ทางด้านรองศาสตราจารย์ ดร.พลชาติ โชติการ ได้แสดงมุมมองในภาพของมหาวิทยาลัยฯ ที่มุ่งเน้นการสร้างงานวิจัยที่มีผลกระทบต่อสังคม และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งโครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการนําองค์ความรู้ไปสู่การใช้งานจริง ที่นอกจากจะช่วยลดการปล่อยมลพิษจากภาคการท่องเที่ยวแล้ว ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น และช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ถึง 99,000 บาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนตํ่า และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของจังหวัดกระบี่ และสามารถนําโมเดลนี้ไปขยายสู่พื้นที่อื่น ๆ ได้
นอกจากนั้น รองศาสตราจารย์ ดร.มนตรี เลื่องชวนนท์ หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่าโครงการนี้ เป็นความตั้งใจที่จะพัฒนาพลังงานลมและโซล่าเซลล์ ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน แบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟส ซึ่งปัจจุบันมีราคาถูกลงมาก ใช้งานกับเรือไฟฟ้านำเที่ยว (เรือหัวโทงขนาด 23 กง) โดยมีการทำงานแบบทำงานร่วม (Hybrid) กับเครื่องยนต์ดีเซลล์ โดยให้ระบบเครื่องยนต์สันดาปเป็นระบบขับเคลื่อนสำรอง พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานหลัก ในการใช้งานขับเคลื่อนเรือไฟฟ้า ความเร็วสูงสุด 12 กม/ ชม เพื่อใช้งานเป็นเรือไฟฟ้านำเที่ยว ในพื้นที่แหลมสัก จังหวัดกระบี่ มีการเก็บข้อมูลการลดการใช้งานพลังงานน้ำมัน การลดเสียงรบกวนจากการเดินเรือจากการประเมินความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวต่อไป
โดยในการแถลงข่าว คณะผู้เข้าร่วมได้ลงเรือหัวโทงนำเที่ยวระบบไฟฟ้าฯ เพื่อชมภาพเขียนโบราณอายุ 3,000 ปี และแพกระชังแหลมสักในบริเวณ อำเภออ่าวลึก เป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรอีกด้วย
เรามีการใช้คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง หรือเพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และเครื่องมืออื่นๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสบการณ์และเพื่อประสิทธิภาพในการใช้งาน คุณสามารถศึกษารายละเอียด นโยบายแนวปฎิบัติการใช้คุกกี้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ที่ Cookies Policy